รายการจุณณียบทที่เขียนขึ้นใหม่สำหรับโอกาสต่างๆ 21 เรื่อง
No. 37 เมษายน 2008 จุณณียบท เรื่อง จริยธรรมคริสเตียน
No. 38 พฤษภาคม 2008 จุณณียบท เรื่อง ปฏิบัติต่อกันอย่างคริสเตียน
No. 39 มิถุนายน 2008 จุณณียบท เรื่อง ผู้สูงอายุ
No. 40 กรกฎาคม 2008 จุณณียบท เรื่อง หน้าที่พลเมืองดี
No. 41 สิงหาคม 2008 จุณณียบท เรื่อง แม่
No. 42 กันยายน 2008 จุณณียบท เรื่อง ความสุขจากทรัพย์สมบัติ
No. 43 ตุลาคม 2008 จุณณียบท เรื่อง การปฏิบัติต่อกันของสามีและภรรยา
No. 44 พฤศจิกายน 2008 จุณณียบท เรื่อง พระคริสต์ทรงวางแบบอย่างแห่งการถ่อมสุภาพ
No. 45 ธันวาคม 2008 จุณณียบท เรื่อง เสรีภาพ
No. 46 มกราคม 2009 จุณณียบท เรื่อง ปณิธานปีใหม่
No. 47 กุมภาพันธ์ 2009 จุณณียบท เรื่อง Agape (อากาเป้)
No. 58 มกราคม 2010 จุณณียบท เรื่อง ต้อนรับปีใหม่ด้วยความมั่นใจ
No. 70 มกราคม 2011 จุณณียบท เรื่อง มีวาระสำหรับทุกสิ่ง
จุณณียบท เรื่องเงินๆทองๆ
จุณณียบทเรื่องกินได้ทุกสิ่ง
จุณณียบทเรื่องความรัก
จุณณียบทเรื่องทรงรู้จักข้าพระองค์
จุณณียบทเรื่องพระบัญญัติ 10 ประการ
จุณณียบทที่ใช้ในงานศพ
1.จุณณียบท เรื่อง พระสัญญากับชีวิตข้างหน้า
2.จุณณียบท เรื่อง พระสัญญากับความหวัง
3.จุณณียบท เรื่อง พระสัญญากับความมั่นใจ
จุณณียบทเรื่อง การปฏิบัติต่อกันของสามีและภรรยา
ฝ่ายภรรยา จงยอมฟังสามีของตน เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า
(อฟ 5:22)
เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักร
(อฟ 5:23)
คริสตจักรยอมฟังพระคริสต์ฉันใด ภรรยาก็ควรยอมฟังสามีทุกประการฉันนั้น
(อฟ 5:24)
ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร
(อฟ 5:25)
สามีจึงควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตนเอง
(อฟ 5:28)
เพราะว่าไม่มีผู้ใดเกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูและทนุถนอม เหมือนพระคริสต์ทรงกระทำแก่คริสตจักร เพราะว่าเราเป็นอวัยวะแห่งพระกายของพระองค์ (อฟ 5:29-30)
เพราะเหตุนี้ ผู้ชายจึงจะละบิดามารดาของตน ไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน
(อฟ 5:31)
...ท่านทุกคนจงต่างก็รักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยาก็จงยำเกรงสามีของตน
(อฟ 5:33)
ฝ่ายท่านทั้งหลายที่เป็นภรรยาก็เช่นกัน จงเชื่อฟังสามีของท่าน เพื่อว่าแม้สามีบางคนจะไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า แต่ความประพฤติของภรรยาก็อาจจะจูงใจเขาได้ โดยไม่ต้องพูดเลยสักคำเดียว คือเมื่อเขาได้เห็นการประพฤติที่นอบน้อมและดีงามของท่านทั้งหลาย ผู้เป็นภรรยา (1ปต 3 :1-2)
ท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจในเธอ จงให้เกียรติแก่ภรรยา เพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และเพราะท่านทั้งสองได้รับชีวิตอันเป็นพระคุณเป็นมรดก เพื่อว่าคำอธิษฐานของท่านจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
(1ปต 3 :7)
จุณณียบท เรื่อง พระสัญญากับชีวิตข้างหน้า
ผู้นำ การซึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตายนั้นก็เหมือนกัน สิ่งที่หว่านลงนั้นเป็นของที่จะเน่าเปื่อย สิ่ง ที่เป็น ขึ้นมาใหม่นั้นก็จะไม่รู้จักเน่า เปื่อย ที่ประชุม มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียวและหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉัน ใด ผู้นำ พระคริสต์ก็ฉันนั้นคือ พระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียวเพื่อจะได้ทรงแบกบาปของ คนเป็นอันมากไว้ พระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สองมิใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อช่วยบรรดาผู้ที่รอคอย พระองค์ด้วยใจจดจ่อให้ได้รับความรอด ที่ประชุม แต่มนุษย์ตายและล้มพังพาบเออมนุษย์สิ้นลมหายใจและเขาอยู่ที่ไหนเล่าพระเยซูตรัสว่า เราเป็นเหตุให้ คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้นถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก ผู้นำ และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย ที่ประชุม "ฝ่ายพระเยซูทรงตอบเขาว่า เราบอกความจริงแก่เจ้าว่าวันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม" ผู้นำ เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจกแต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ ชัดเจน เดี๋ยวนี้ความรู้ ของข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์ เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า ที่ประชุม ท่านว่า "ข้าพเจ้ามาจากครรภ์มารดาของข้าพเจ้าตัวเปล่าและข้าพเจ้าจะกลับไปตัวเปล่า พระเจ้าประทาน และพระเจ้าทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระเจ้า" ผู้นำ ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าสิ่งที่ตาไม่เห็นหูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึงคือสิ่งที่ พระเจ้าได้ทรง จัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รัก พระองค์ ที่ประชุม เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ท่านจงตั้งมั่นอยู่อย่าหวั่นไหว จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า ให้บริบูรณ์ทุกเวลาท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าการของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้ พร้อมกัน สาธุการแด่พระเจ้าผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลายโดยพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
(จากพระธรรม 1 โครินธ์ 15:42 ฮีบรู 9:27-28 โยบ 14:10 ยอห์นฺ 11:25-26 ลูกา 23:43 มัทธิว 27:52 1 โครินธ์ 13:12 โยบ 1:21 1 โครินธ์ 2:9 1 โครินธ์ 15:57-58 ฟีลิปปี 1:23)
จุณณียบทเรื่อง Agape (อากาเป้)
1โครินธ์13:13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1ยอห์น4:9 โดยข้อนี้ความรักของพระเจ้าก็เป็นที่ประจักษ์แก่เราทั้งหลาย คือพระเจ้าทรงใช้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลก เพื่อเราทั้งหลายจะได้ดำรงชีวิตโดยพระบุตร
1ยอห์น4:11 ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเช่นนั้น เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย
1ยอห์น4:12 ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า ถ้าเราทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน พระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในเราทั้งหลาย และความรักของพระองค์ก็สมบูรณ์อยู่ในเรา
1ยอห์น4:15 ผู้ใดยอมรับว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าก็จะทรงสถิตอยู่ในคนนั้น และคนนั้นอยู่ในพระเจ้า
1ยอห์น4:16 ฉะนั้นเราทั้งหลายจึงรู้ และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ใดที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในผู้นั้น
1ยอห์น4:17 ในข้อนี้แหละ ความรักของเราจึงสมบูรณ์ เพื่อเราทั้งหลายจะได้มีความมั่นใจในวันพิพากษา เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นเช่นไรเราทั้งหลายในโลกนี้ก็เป็นเช่นนั้น
1ยอห์น4:18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ได้ขจัดความกลัวเสีย เพราะความกลัวเข้ากับการลงโทษและผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์
1ยอห์น4:20 ถ้าผู้ใดว่า "ข้าพเจ้ารักพระเจ้า" และใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้
1ยอห์น4:21 พระบัญญัตินี้เราทั้งหลายก็ได้มาจากพระองค์ คือว่า ให้คนที่รักพระเจ้านั้นรักพี่น้องของตนด้วย
1ยอห์น3:18 ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง
โคโลสี3:14 แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เพราะความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์
มาระโก12:30-31พระเยซูตรัสว่า “จงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้าและจงรักเพื่อนบ้านเหมือน
รักตนเอง”
จุณณียบท เรื่อง จริยธรรมคริสเตียน
ต่อไปนี้เป็นข้อพระธรรมคัมภีร์ที่คัดเลือกมาสำหรับใช้ทบทวนจริยธรรมที่คริสเตียนควรจะมีและปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน คริสเตียนควรใคร่ครวญเรื่องนี้ให้มากในสมัยที่ประเทศไทยของเรากำลังตื่นตัวเรื่องจริยธรรมถึงกับบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับ๒๕๕๐ จุณณียบทนี้อาจใช้ในกลุ่มอธิษฐานและนมัสการวันอาทิตย์ก็ได้
ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า (1 ยอห์น4:7 )
ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก (1 ยอห์น4:8 )
ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่มและอาหารประจำวัน และมีคนใดในพวกท่านกล่าวแก่เขาว่า "เชิญไปเป็นสุขเถิด ขอให้อบอุ่นและอิ่มเถิด" และไม่ได้ให้สิ่งที่เขาขัดสนนั้น จะเป็นประโยชน์อะไร (ยากอบ2:15-16)
ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ (ยากอบ1:19)
เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะ และไม่ได้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป และก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร (ยากอบ1:23-24)
ในทำนองเดียวกันท่านที่อ่อนอาวุโส ก็จงเชื่อฟังคำของพวกผู้ใหญ่ อันที่จริงให้ท่านทุกคนมีความถ่อมใจในการปฏิบัติต่อกันและกัน ด้วยว่า พระเจ้าทรงเป็นปฏิปักษ์กับคนเหล่านั้นที่ถือตัวจองหอง แต่พระองค์ทรงสำแดงพระคุณแก่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน (1เปโตร5:5)
เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงละความชั่วทั้งปวง การอุบายต่างๆความไม่จริงใจ ความริษยา และคำพูดส่อเสียดทั้งหลาย (1เปโตร 2: 1)
ท่านทั้งหลายจงยอมฟังการบังคับบัญชาที่มนุษย์ตั้งไว้ทุกอย่าง เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นมหาจักรพรรดิผู้มีอำนาจยิ่ง หรือจะเป็นเจ้าเมืองผู้ที่ได้รับคำสั่งจากมหาจักรพรรดิ ให้ลงโทษผู้กระทำชั่วและยกย่องคนที่ประพฤติดี (1เปโตร 2:13-14)
จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า (1เปโตร 2:16)
เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และด้วยลิ้นนั้นเราก็แช่งด่ามนุษย์ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ตามพระฉายาของพระองค์ (ยากอบ3:9)
ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น (ยากอบ2:19)
ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าของเราเป็นขึ้นมาจากความตาย คือผู้ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดีเลิศ โดยโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดร์นั้น ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีทุกสิ่งที่ดี เพื่อจะได้ปฏิบัติตามพระทัยพระองค์ และทรงทำงานในท่านทั้งหลาย ให้เกิดผลเป็นที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์ โดยพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน ( ฮีบรู13:20-21)
จุณณียบทเรื่อง ปฎิบัติต่อกันอย่างคริสเตียน
ผู้ใดที่เป็นนายใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นย่อมต้องรับใช้ท่านทั้งหลาย มัทธิว23:11
พระเยซูได้ประทับนั่ง แล้วทรงเรียกสาวกสิบสองคนนั้นมาตรัสแก่เขาว่า
"ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นคนต้น ก็ให้ผู้นั้นเป็นคนสุดท้ายและเป็นผู้รับใช้ของคนทั้งปวง" มาระโก9:35
แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้อง
เป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลายและถ้าผู้ใดใคร่จะเป็นเอกเป็นต้น ผู้นั้นจะต้องเป็นทาส
สมัครของคนทั้งปวง มาระโก10:43-44
ถ้าผู้ใดจะเกณฑ์ท่านให้เดินทางไปหนึ่งกิโลเมตร ก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองกิโลเมตร มัทธิว5:41
อย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้า เพราะว่าโดยการกระทำเช่นนั้น บางคนก็ได้
ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว ฮีบรู 13:2
ถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่าน ก็จงให้อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่าน มัทธิว5:42
ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ ฟิลิปปี2:5
การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ กิจการ 20:35
จุณณียบท ปณิธานปีใหม่
ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว
เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้ คร 9:24
มิใช่ว่า ข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว ฟป3:12
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ฟป3:13
ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ ฟป3:14
แต่เราได้แค่ไหนแล้ว ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป ฟป3:16
เหตุฉะนั้น เมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา ฮบ12:1
ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว
2 ทธ4:7
แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า
คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น กจ20:24
จุณณียบท เรื่อง พระสัญญากับความหวัง
ผู้นำ
เชิญยอพระเกียรติพระเจ้าพร้อมกับข้าพเจ้าให้เราสรรเสริญพระนามของพระองค์ ด้วยกัน
ที่ประชุม
จงมอบภาระของท่านไว้กับพระเจ้าและพระองค์จะทรงค้ำจุนท่านพระองค์จะไม่ทรงยอมให้คนชอบ ธรรมคลอนแคลนเลย
ผู้นำ
ความอุปถัมภ์ของเราอยู่ในพระนามของพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ที่ประชุม
และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงจากสวรรค์สั่งว่า จง เขียนไว้ เถิดว่าตั้งแต่นี้ต่อไปคนทั้งหลายที่ตายเพื่อ องค์พระผู้เป็น เจ้าจะเป็นสุขและพระวิญญาณตรัสว่า"จริงอย่างนั้นเขาได้หยุดพักจากการงานของเขา เพราะการงานที่เขาได้กระทำนั้นจะติดตามเขาไป
ผู้นำ ในพวกเราไม่มีผู้ใดมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองฝ่ายเดียวและไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองฝ่ายเดียว ถ้าเรามีชีวิตอยู่ก็มี ชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและถ้าเราตายก็ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเหตุฉะนั้นไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือ ตายไปก็ตาม เราก็เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่ประชุม เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตายหรือชีวิตหรือบรรดาทูตสวรรค์หรือเทพเจ้าหรือสิ่งซึ่งมีอยู่ใน ปัจจุบันนี้หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้าหรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย ผู้นำ หรือซึ่งสูงหรือซึ่งลึกหรือสิ่งใดๆอื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้นจะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลายขาดจาก ความรักของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้ ที่ประชุม แต่ส่วน ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบว่า พระผู้ไถ่ ของข้าพเจ้าทรงพระชนม์อยู่ และในที่สุดพระองค์จะ ทรงปรากฏบนแผ่นดินโลก
พร้อมกัน เมื่อสิ่งซึ่งเน่าเปื่อยนี้จะสวมซึ่งไม่เน่าเปื่อยและสภาพมตะนี้จะสวมสภาพอมตะเมื่อนั้น ตามซึ่งเขียนไว้ ในพระคัมภีร์จะสำเร็จว่า ความตายก็ถูกกลืนถึงปราชัยแล้ว โอมัจจุราชเอ๋ยชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน โอมัจจุราชเอ๋ยเหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน เหล็กในของความตายนั้นคือ บาปและฤทธิ์ของบาปคือ ธรรม บัญญัติ สาธุการแด่พระเจ้าผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลายโดยพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
(จากพระธรรม 1 โครินธ์ 15:54-57 เพลงสดุดี 34:3 เพลงสดุดี 55:22 เพลงสดุดี 124:8 วิวรณ์ 14:13 โรม 14:7-8 โรม 8:38-39 โยบ 19:25)
จุณณียบท เรื่อง พระสัญญากับความมั่นใจ
ผู้นำ
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระ องค์ทรงเป็นที่อาศัยของข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์
ข้าพเจ้า ได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลังข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว
ที่ประชุม
ต่อแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้าซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะทรงประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้นและมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้นแต่จะทรงประทานแก่ คนทั้งปวงที่ยินดีในการเสด็จมาของพระองค์
ผู้นำ
ท่านได้ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิตใสเหมือนแก้วไหลมาจากพระที่นั่งของพระเจ้าและพระที่นั่ง ของพระเมษโปดก..
ที่ประชุม
ไหลไปตามกลางถนนในนครนั้นและริมแม่น้ำทั้งสองฟากมีต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งออกผลสิบสองชนิดออก ผลทุกๆ เดือนและใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย
ผู้นำ
จะไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไปพระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ที่นั่นและ บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะนมัสการพระองค์..
ที่ประชุม
เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา
พร้อมกัน
กลางคืนจะไม่มีอีกต่อไปเขาไม่ต้องการแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเป็น แสงสว่างของเขาและเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์..
(จากพระธรรม เพลงสดุดี 90:1 2 ทิโมธี 4:7-8 วิวรณ์ 22:1 -5)
จุณณียบท เรื่อง มีวาระสำหรับทุกสิ่ง
สำหรับแผนการทุกสิ่งภายใต้ฟ้าสวรรค์ย่อมมีวาระ
มีวาระเกิด มีวาระตาย
มีวาระปลูก มีวาระถอนทิ้ง
มีวาระฆ่า มีวาระรักษาเยียวยารักษา
มีวาระรื้อทลายลง มีวาระสร้างขึ้นใหม่
มีวาระร้องไห้ มีวาระหัวเราะ
มีวาระไว้ทุกข์ มีวาระเต้นรำ
มีวาระโยนหินทิ้ง มีวาระเก็บรวบรวมหิน
มีวาระสวมกอด มีวาระงดเว้นการสวมกอด
มีวาระค้นหา มีวาระสูญหาย
วาระเก็บรักษาไว้ มีวาระโยนทิ้งไป
มีวาระฉีกขาด มีวาระที่เย็บ
วาระที่จะเงียบ มีวาระที่จะพูด
มีวาระที่จะรัก มีวาระที่จะเกลียด
วาระสงคราม มีวาระสันติ
มนุษย์จะได้อะไรจากความเหน็ดเหนื่อยที่เขาทุ่มเทไป
จุณณียบท เรื่อง แม่
เพราะฉะนั้น ลูกเอ๋ยจงฟังคำของแม่ตามที่แม่สั่งเจ้า... ปฐมกาล27:8
มารดาพูดกับเขาว่า "ลูกเอ๋ย ขอให้การสาปแช่งของเจ้าตกอยู่กับแม่เถิด เชื่อฟังคำของแม่เท่านั้น..." ปฐมกาล27:13
เพราะฉะนั้นลูกเอ๋ยฟังคำแม่... ปฐมกาล27:43
จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนนานบนแผ่นดิน
ซึ่งพระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า อพยพ 20:12
นางตอบว่า "แม่ว่าอย่างไร ฉันจะกระทำตามทุกอย่าง" นางรูธ3:5
“ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงเป็นผู้นำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์มารดา และทรงให้ข้าพระองค์
ปลอดภัยอยู่ที่อกแม่ตั้งแต่คลอด ข้าพระองค์ก็ต้องพึ่งพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า
ของข้าพระองค์ ตั้งแต่ข้าพระองค์ยังอยู่ในครรภ์มารดา” สดุดี22:9-10
เพราะพระองค์ทรงปั้นส่วนภายในของข้าพระองค์ พระองค์ทรงทอข้าพระองค์เข้าด้วยกัน
ในครรภ์มารดาของข้าพระองค์ สดุดี139: 13
เมื่อเราเป็นลูกอยู่กับพ่อของเรา เป็นแก้วตาของแม่เรา ดูน่ารักอ่อนโยน สุภาษิต4:3
บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟังคำเตือนของพ่อเจ้าและอย่าทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า สุภาษิต1:8
บุตรของเราเอ๋ย จงรักษาบัญญัติของพ่อเจ้า และอย่าละทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า สุภาษิต6:20
จุณณียบทเรื่องเสรีภาพ
พระเยซูคริสต์ทรงปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปและทรงโปรดให้เราเป็นเสรีชน
เสรีภาพที่ทำให้มนุษย์มีศักดิ์ศรีคือเสรีภาพที่มีความรับผิดชอบและเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า กท 5 : 1
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่พระเจ้าทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ
อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามตัณหา
แต่จงใช้เสรีภาพของท่านรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก กท 5:13
ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์
ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย 1 คร 6:12
เราทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์
เราทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำให้เจริญขึ้น
อย่าให้ผู้ใดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่น 1 คร 10 :23-24
จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว
แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้าเถิด 1ปต2:16
จุณณียบท เรื่อง ต้อนรับปีใหม่ด้วยความมั่นใจ
จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าตกใจหรือคร้ามกลัวเลย เพราะว่าเจ้าไปในถิ่นฐานใด พระเยโฮวาห์พระเจ้า ของเจ้าทรงสถิตกับเจ้า (โยชูวา 1:9)
จงสงบอยู่ต่อพระเยโฮวาห์ และเพียรรอคอยพระองค์อยู่ อย่าให้ใจของท่านเดือดร้อนเพราะเหตุผู้ที่เจริญตามทางของเขา หรือเพราะเหตุผู้ที่กระทำตามอุบายชั่ว (สดุดี37:7)
แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอย พระเยโฮวาห์จะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย (อิสยาห์ 40:31)
ดูเถิด ท่านที่พูดว่า "วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนั้นเมืองนี้ และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กำไร" แต่ว่า ท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นอะไรเล่า ก็เป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่แต่ประเดี๋ยวหนึ่งแล้วก็หายไป ท่านทั้งหลายควรจะพูดว่า "ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะมีชีวิตอยู่ และจะกระทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น" (ยากอบ 4:13-15)
จงวางใจในพระเยโฮวาห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความเข้าใจของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น อย่าทำตัวฉลาดตามสายตาของตนเอง จงยำเกรงพระเยโฮวาห์ (สุภาษิต 3:5-7)
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบนให้เราไปรับในพระเยซูคริสต์ (ฟิลิปปี 3:13-14)
ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว ตั้งแต่นี้ไป มงกุฎแห่งความชอบธรรมก็เตรียมไว้สำหรับข้าพเจ้าแล้ว (2 ทิโมธี 7-8)
ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว ตั้งแต่นี้ไป มงกุฎแห่งความชอบธรรมก็เตรียมไว้สำหรับข้าพเจ้าแล้ว (2 ทิโมธี 7-8)
จุณณียบท เรื่องผู้สูงอายุ
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นความหวังของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่วางใจของข้าพระองค์ตั้งแต่เด็กๆ มา สดุดี 71:5
ข้าพระองค์พึ่งพระองค์ตั้งแต่กำเนิด พระองค์ทรงเป็นผู้นำข้าพระองค์ มาจากครรภ์มารดาข้าพระองค์ ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์เสมอ สดุดี 71:6
ศักดิ์ศรีของคนหนุ่ม คือกำลังของเขา แต่ความงามของคนแก่คือผมหงอกของเขา สุภาษิต20:29
เมื่อวัยชรา ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ทิ้งเสีย ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์หมดแรง สดุดี 71:9
ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงอยู่ไกลข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงรีบมาช่วยข้าพระองค์ สดุดี 71:12
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงสอนข้าพระองค์ตั้งแต่เด็กๆมาและข้าพระองค์ยังป่าวร้องราชกิจอัศจรรย์ของพระองค์ สดุดี 71:17
แม้จะถึงวัยชราและผมหงอกก็ตาม ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย จนกว่าข้าพระองค์จะประกาศถึงอานุภาพของพระองค์แก่ชาติพันธุ์ถัดไป สดุดี 71:18
ข้าพระองค์ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ ทั้งจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย ซึ่งพระองค์ได้ทรงไถ่ไว้
อาเมน สดุดี 71:23
จุณณียบทเรื่องพระคริสต์ทรงวางแบบอย่างแห่งการถ่อมสุภาพ
เหตุฉะนั้น ถ้าชีวิตในพระคริสต์อำนวยการเร้าใจประการใด ถ้ามีการหนุนใจประการใดในความรัก
ถ้ามีส่วนประการใดกับพระวิญญาณ ถ้ามีการรักใคร่เอ็นดูและเห็นอกเห็นใจประการใด
ก็ขอให้ท่านทำให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน
มีความรักอย่างเดียวกัน มีใจรู้สึกและคิดพร้อมเพรียงกัน ฟป2:1-2
อย่าทำสิ่งใดในทางชิงดีกันหรือถือดี แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว ฟป2:3
อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย
ฟป2:4
ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า
แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ ฟป2:5-6
แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์
เมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟัง
จนถึงความมรณาที่กางเขน ฟป2:7-8
...พระเจ้าทรงเป็นปฏิปักษ์กับคนเหล่านั้นที่ถือตัวจองหอง
แต่พระองค์ทรงสำแดงพระคุณแก่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน 1ปต 5:5
จงรักกันฉันพี่น้อง ส่วนการที่ให้เกียรติแก่กันและกันนั้น จงถือว่าผู้อื่นดีกว่าตัว รม12:10
จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าใฝ่สูง แต่จงถ่อมใจลงยอมทำการต่ำ อย่าถือว่าตัวฉลาด รม 12:16
ท่านทั้งหลายจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะทรงยกชูท่านขึ้น ยก 4:10
จุณณียบทเรื่องเสรีภาพ
พระเยซูคริสต์ทรงปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปและทรงโปรดให้เราเป็นเสรีชน
เสรีภาพที่ทำให้มนุษย์มีศักดิ์ศรีคือเสรีภาพที่มีความรับผิดชอบและเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า กท 5 : 1
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่พระเจ้าทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ
อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามตัณหา
แต่จงใช้เสรีภาพของท่านรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก กท 5:13
ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์
ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย 1 คร 6:12
เราทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์
เราทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำให้เจริญขึ้น
อย่าให้ผู้ใดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่น 1 คร 10 :23-24
จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว
แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้าเถิด 1ปต2:16
จุณณียบทเรื่อง หน้าที่พลเมืองดี
พระองค์ตรัสกับเขาว่า "เหตุฉะนั้น ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า" มัทธิว22:21
ท่านทั้งหลายจงยอมฟังการบังคับบัญชาที่มนุษย์ตั้งไว้ทุกอย่าง เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นมหาจักรพรรดิผู้มีอำนาจยิ่งหรือจะเป็นเจ้าเมืองผู้ที่ได้รับคำสั่งจากมหาจักรพรรดิให้ลงโทษผู้กระทำชั่วและยกย่องคนที่ประพฤติดี 1เปโตร2:13-14
จงให้เกียรติแก่ทุกคน จงรักบรรดาพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้าและจงถวายเกียรติแด่มหาจักรพรรดิ
1เปโตร2:17
จงเตือนเขาให้นอบน้อมต่อเจ้าบ้านผ่านเมือง ให้เชื่อฟังและพร้อมที่จะปฏิบัติงานสัมมาอาชีพใดๆ
ทิตัส3:1
เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นไม่น่ากลัวเลยสำหรับคนที่ทำความดี แต่ว่าเป็นที่น่ากลัวสำหรับคนที่ทำความชั่ว ท่านไม่อยากจะกลัวผู้มีอำนาจหรือ ถ้าเช่นนั้นก็จงประพฤติแต่ความดี แล้วท่านก็จะได้เป็นที่พอใจของผู้มีอำนาจนั้น โรม13:3
เหตุฉะนั้นท่านจะต้องอยู่ในบังคับบัญชา มิใช่เพราะเกรงพระอาชญาสิ่งเดียว แต่เพราะจิตที่สำนึกผิดชอบด้วย โรม13:5
เพราะเหตุผลอันเดียวกันท่านจึงได้เสียส่วยสาอากรด้วย เพราะว่าผู้มีอำนาจนั้นเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่ โรม13:6
ท่านจงให้แก่ทุกคนตามที่เขาควรจะได้รับ จงเสียส่วยสาอากรตามที่ควร เสียภาษีตามที่ควร ความยำเกรงควรแก่ผู้ใด จงยำเกรงผู้นั้น จงให้เกียรติยศแก่ผู้ที่ควรจะได้รับ โรม13:7
เหตุฉะนั้นผู้ที่ขัดขืนอำนาจนั้น ก็ขัดขืนผู้ซึ่งพระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น และผู้ที่ขัดขืนนั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ โรม13:2
จุณณียบท เรื่องเงินๆทองๆ
ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล และเพราะความโลภนี่แหละ จึงทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์ 1Tim6:10
ส่วนคนเหล่านั้น ที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวน และติดบ่วงแร้วและในความปรารถนานานาที่ไร้ความคิดและเป็นภัยแก่ตัว ซึ่งทำให้คนเราต้องถึงความพินาศเสื่อมสูญไป
1Tim6:9
ขอให้ความมุสาและความเท็จไกลจากข้าพระองค์ ขออย่าประทานความยากจนหรือความมั่งคั่งแก่ข้าพระองค์ ขอเลี้ยงข้าพระองค์ด้วยอาหารที่พอดีแก่ข้าพระองค์ เกรงว่าข้าพระองค์จะอิ่ม และปฏิเสธพระองค์ แล้วพูดว่า "พระเจ้าเป็นผู้ใดเล่า" หรือเกรงว่าข้าพระองค์จะยากจนและขโมย และกระทำให้พระนามพระเจ้าของข้าพระองค์เป็นมลทิน สุภาษิต 30:8-9
ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะว่าจะชังนายข้างหนึ่ง และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และจะดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านจะปฏิบัติพระเจ้าและจะปฏิบัติเงินทองพร้อมกันไม่ได้ มัทธิว 6:24
พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำทศางค์ เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่ มาลาคี 3:10
อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้
แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้
เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย มัทธิว 6:19-21
จุณณียบทเรื่อง กินได้ทุกสิ่ง
แล้วพระองค์ทรงเรียกประชาชนและตรัสกับเขาว่า "จงฟังและเข้าใจเถิด มิใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน" มัทธิว15:10-11
“ท่านยังไม่เห็นหรือว่า สิ่งใดๆซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป
แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” มัทธิว 15:17-18
มีพระสุรเสียงมาว่าแก่ท่านว่า "เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้นฆ่ากินเถิด" กิจการ10:13
ฝ่ายเปโตรจึงทูลว่า "มิได้ พระเจ้าข้า เพราะว่าสิ่งซึ่งเป็นของต้องห้าม หรือของมลทินนั้น ข้าพระองค์ไม่เคยรับประทานเลย" กิจการ10:14
แล้วจึงมีพระสุรเสียงเป็นครั้งที่สองว่าแก่ท่านว่า "ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้วอย่าว่าเป็นของต้องห้าม" กิจการ 10:15
ส่วนคนที่ยังมีความเชื่อน้อยอยู่นั้น จงรับเขาไว้ แต่มิใช่เพื่อให้โต้เถียงกันในเรื่องความเชื่อที่แตกต่างกันนั้น คนหนึ่งถือว่าจะกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่คนที่มีความเชื่อน้อยก็กินแต่ผักเท่านั้น
อย่าให้คนที่กินนั้นดูหมิ่นคนที่ไม่ได้กิน และอย่าให้คนที่มิได้กินกล่าวโทษคนที่ได้กิน เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดรับเขาไว้แล้ว โรม 14:1-3
อาหารไม่เป็นเครื่องที่ทำให้พระเจ้าทรงโปรดปรานเรา ถ้าเราไม่กิน เราก็ไม่ขาดอะไร ถ้าเรากิน เราก็ไม่ได้อะไรเป็นพิเศษ 1โครินธ์ 8:8
เขาห้ามไม่ให้ทำการสมรส ห้ามบริโภคอาหารบางชนิดซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ให้ผู้ที่เชื่อ และรู้จักความจริงบริโภคด้วยขอบพระคุณ ด้วยว่าสิ่งสารพัดซึ่งพระเจ้าได้ทรงสร้างไว้นั้นเป็นของดี ถ้าแม้บริโภคด้วยขอบพระคุณก็ไม่ห้ามเลยสักสิ่งเดียวเพราะว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นของที่ชำระไว้แล้ว โดยพระวจนะของพระเจ้าและคำอธิษฐาน 1ทิโมธี 4:3-5
จุณณียบทเรื่องความรัก
เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ ยน3.16
ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน
ยน15.13
"จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า…
ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง มธ 22. 37,39
ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ได้ขจัดความกลัวเสีย 1ยน4.18
สามีจึงควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตนเอง
อฟ 5.28
ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง
ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด
ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ 1 คร 13.4-6
ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง 1 คร 13.7
ความรักไม่มีวันสูญสิ้น แม้การเผยพระวจนะก็จะเสื่อมสูญไป แม้การพูดภาษาแปลกๆนั้น ก็จะมีเวลาเลิกกัน แม้วิชาความรู้ก็จะเสื่อมสูญไป 1 คร 13.8
ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด 1 คร 13.13
จุณณียบท เรื่อง ทรงรู้จักข้าพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์ และทรงรู้จักข้าพระองค์
เมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น พระองค์ทรงทราบ พระองค์ทรงประจักษ์ในความคิดของ ข้าพระองค์ได้แต่ไกล สดุดี139:1-2
พระองค์ทรงค้นวิถีของข้าพระองค์และการ นอนของข้าพระองค์ และทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์ สดุดี139:3
ข้าแต่พระเจ้า แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูด พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว สดุดี139:4
พระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์อยู่ทั้งข้างหลังและข้างหน้า และทรงวางพระหัตถ์บนข้าพระองค์ ความรู้อย่างนี้อัศจรรย์เกินข้าพระองค์ สูงนัก ข้าพระองค์เอื้อมไม่ถึง
สดุดี139:5-6
ข้าพระองค์จะไปไหน ให้พ้นพระวิญญาณของพระองค์ได้ หรือข้าพระองค์จะหนีไปไหนให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์
ถ้าข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ทรงสถิตที่นั่น ถ้าข้าพระองค์จะทำที่นอนไว้ในแดนผู้ตายพระองค์ทรงสถิตที่นั่น สดุดี139:7-8
ถ้าข้าพระองค์จะติดปีกแสงอรุณ และอาศัยอยู่ที่ส่วนของทะเลไกลโพ้น
แม้ถึงที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์จะนำข้าพระองค์ และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะยึดข้าพระองค์ไว้ สดุดี139:9-10
ถ้าข้าพระองค์จะว่า "ขอเพียงความมืด จงบังข้าไว้ และจงให้ความสว่างรอบข้าเป็นกลางคืน" สำหรับพระองค์ แม้ความมืดก็ไม่มืด กลางคืนก็แจ้งอย่างกลางวัน ความมืดเป็นอย่างความสว่าง สดุดี139:11-12
เพราะพระองค์ทรงปั้นส่วนภายในของข้าพระองค์ พระองค์ทรงทอข้าพระองค์เข้าด้วยกัน ในครรภ์มารดาของข้าพระองค์ สดุดี139:13
ข้าพระองค์โมทนาพระคุณพระองค์เพราะพระองค์ทรงกระทำให้ข้าพระองค์แปลกประหลาดอย่างน่ากลัว พระราชกิจของพระองค์อัศจรรย์ พระองค์ทรงทราบข้าพระองค์ดี เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างอยู่ในที่ลับลี้ ประดิษฐ์ขึ้นมา ณ ภายในที่ลึกแห่งโลก โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ปิดบังไว้จากพระองค์ สดุดี139:14-15
พระเนตรของพระองค์ทรงเห็นส่วนประกอบของข้าพระองค์ วันทั้งหลายทุกๆวันที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้น ก็ทรงจารึกไว้ในพระตำรับของพระองค์ เมื่อครั้งยังไม่เกิดวันนั้นเลย
ข้าแต่พระเจ้า พระดำริของ พระองค์ประเสริฐแก่ข้าพระองค์จริงๆ รวมกันเข้าก็ไพศาลนักหนา
18 ถ้าข้าพระองค์จะนับก็มากกว่าเม็ดทราย เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์ก็จะยังอยู่กับพระองค์
23 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงค้นดูข้าพระองค์และทรงทราบ จิตใจของข้าพระองค์ ขอทรงลองข้าพระองค์และทรงทราบความคิดของข้าพระองค์
24 และทอดพระเนตรว่ามีทางชั่วใดๆ ในข้าพระองค์หรือไม่ และขอทรงนำข้าพระองค์ไปในมรรคานิรันดร์
จุณณียบทเรื่องพระบัญญัติ 10 ประการ
ท่านโมเสสขึ้นไปบนภูเขาซีนายได้รับคำบัญชาจากพระเจ้าซึ่งเป็นพันธสัญญาที่ให้ประชากรของพระองค์ปฏิบัติตาม 10 ประการ ได้เขียนไว้บนศิลาสองแผ่น (เฉลยธรรมบัญญัติ4:12-13)
พระบัญญัติที่จารึกบนศิลาแผ่นแรกนั้นคือพระบัญชาที่ประชากรพึงปฏิบัติต่อพระเจ้า 4 ประการดังนี้ (อพยพ20:3-8)
อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา
อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น
อย่าออกพระนามพระเจ้าอย่างไม่สมควร
จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์
พระบัญญัติที่จารึกบนศิลาอีกแผ่นหนึ่งนั้นคือพระบัญชาที่ประชากรพึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกัน 6 ประการดังนี้ (อพยพ20:12-17)
จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนนานบนแผ่นดิน
อย่าฆ่าคน
อย่าล่วงประเวณี
อย่าลักทรัพย์
อย่าเป็นพยานเท็จ
อย่าโลภ
พระเยซูทรงสรุปพระบัญญัติและธรรมบัญญัติไว้เพียงสองประการ
จงรักพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตและด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า
จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง อาเมน
No comments:
Post a Comment